จ่ายภาษียังไง? เมื่อออกจากงาน (ตอนที่1)
ด้วยสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้หลายคนอาจต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตจากการทำงานประจำ
รับเงินเดือนมาเป็นนายตัวเอง มีการลาออกจากงานประจำ เพื่อไปประกอบธุรกิจส่วนตัวกันมากขึ้นหรือบ้างมีการปรับลดขนาดองค์กร เพื่อลดค่าใช้จ่ายโดยการเลิกจ้าง ให้พนักงานสมัครใจลาออกหรือให้เกษียณก่อนกำหนด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใดก็ตาม ผู้ที่ได้รับเงินได้เพราะเหตุออกจากงานมีหน้าที่จะต้องนำเงินได้ที่ได้รับมายื่นแบบแสดงรายการภาษี แต่จะเสียภาษีหรือได้รับยกเว้นเงินได้ในการคำนวณภาษีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุการออกจากงานเป็นกรณีไป ในที่นี้เรามาทำความรู้จักกับเงินได้เพราะเหตุออกจากงาน และเอกสารที่จะต้องเตรียมไว้สำหรับใช้ในการคำนวณภาษีและยื่นแบบแสดงรายการรวมทั้งวิธีในการคำนวณภาษีเมื่อต้องออกจากงานกันค่ะ
เงินได้ออกจากงาน หรือเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ตามประมวลรัษฎากรถือเป็นเงินได้พึงประเมินตาม มาตรา 40 (1) และ (2) ซึ่งแบ่งเป็น 4 ประเภท ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับเงินได้ (ฉบับที่ 45) ดังนี้
(ก) เงินได้ที่คำนวณตามหลักเกณฑ์ และวิธีการเช่นเดียวกับวิธีการคำนวณบำเหน็จตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(ข) เงินที่จ่ายจากกองทุนตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(ค) เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
(ง) เงินได้พึงประเมินที่จ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานที่มีวิธีการคำนวณแตกต่างไปจากวิธีการตาม (ก)
โดยมีเงื่อนไขการได้รับยกเว้นภาษี ดังนี้
เงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี | รายละเอียด |
เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน | เป็นไปตามเงื่อนไข โดยยกเว้นไม่เกินค่าจ้าง 300 วันสุดท้าย และไม่เกิน 300,000 บาท |
เงินหรือผลประโยชน์ที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ | ยกเว้น กรณี ตาย ทุพพลภาพ เกษียณอายุ ออกจากงาน เมื่ออายุ 55 ปี หรือคงเงิน หรือผลประโยชน์ไว้ |
เงินบำเหน็จดำรงชีพ | ยกเว้นไม่เกิน 15 เท่า ของบำนาญรายเดือน ที่ได้รับ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท |
เงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการ | ไม่จำกัดจำนวน |
เอกสารประกอบการคำนวณภาษีเมื่อออกจากงาน
(1) หนังสือแจ้งเหตุออกจากงาน เป็นหนังสือหรือเอกสารที่ระบุสาเหตุการออกจากงาน เช่น เลิกจ้างเนื่องจากลดขนาดองค์กร สิ้นสุดสัญญาจ้าง หรืออื่น ๆ ถือเป็นเอกสารสำคัญ สำหรับคนที่ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมาย เพราะจะต้องนำไปใช้เพื่อแสดงว่าตนมีสิทธิได้รับยกเว้นเงินชดเชยตามมาตรา 118 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานหรือไม่ โดยกรณีที่จะได้รับยกเว้นเงินชดเชยตามกฎหมาย ต้องเป็นการให้ออกจากงานด้วยความไม่สมัครใจ (ไม่รวมถึงค่าชดเชยที่ลูกจ้างหรือพนักงานได้รับเพราะเกษียณอายุ หรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง ซึ่งไม่ได้รับยกเว้น)
(2) หนังสือรับรองระยะเวลาการทำงาน ระบุวันที่เริ่มทำงาน ถึงวันสุดท้ายที่ทำงาน หรือจำนวนปีที่ทำงานก่อนที่จะออกจากงาน ในส่วนนี้สำหรับผู้มีอายุงานเกิน 5 ปี จำเป็นต้องมีหลักฐานเพื่อใช้สิทธิในการแยกคำนวณภาษีด้วยใบแนบแบบแสดงรายการกรณีออกจากงาน (สำหรับ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91)ซึ่งจะแยกคำนวณค่าใช้จ่าย และภาษีแยกต่างหากจากเงินเดือน
(3) หนังสือรับรองเงินเดือน 12 เดือนสุดท้าย โดยระบุเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือน สำหรับคนที่ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมาย หรือผู้มีเงินได้ที่ใช้สิทธิแยกคำนวณภาษีด้วยใบแนบฯ กรณีเลือกไม่นำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่น
(4) หนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) กรณีออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกรณีคงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไว้ ต้องมีหลักฐานการคงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไว้ สำหรับเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีได้รับยกเว้น ต้องเป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 188) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการ เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
(5) หนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) กรณีเป็นเงินได้พึงประเมินที่จ่ายครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานที่มีวิธีการคำนวณแตกต่างไปจากวิธีการตาม (ก) ซึ่งแต่ละบริษัทหรือองค์กรอาจมีเงื่อนไขแตกต่างกัน อาจจะมีการจ่ายหรือไม่จ่ายเงินได้ตัวนี้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อตกลงของแต่ละบริษัทและองค์กร
(6) หนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) กรณีเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) หรือ (2) ที่ได้รับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 หมวด 11 ค่าชดเชย มาตราที่ 118-122 ซึ่งต้องพิจารณาว่าเป็นไปตามเงื่อนไข และได้รับยกเว้นเงินได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 126 พ.ศ. 2509 ข้อ 2 (51) หรือไม่
หมายเหตุ
1 เอกสารตาม (1) – (3) ไม่มีรูปแบบตายตัว ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทหรือองค์กรผู้ออกหนังสือหรือหลักฐาน และอาจรวมอยู่ในหนังสือฉบับเดียวกันก็ได้ โดยต้องระบุข้อความมาให้ครบถ้วน
2 เอกสารประกอบการออกจากงาน อาจไม่ได้ใช้เอกสารทุกข้อที่กล่าวถึง เนื่องจากการออกจากงานของแต่ละคนมีสาเหตุต่างกันไป
3 หนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) กรณีเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานทั้ง 4 ประเภท บริษัทหรือองค์กร สามารถออกหนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) มาใบเดียวกับเงินได้ทั้งปี เพียงแต่ระบุแยกประเภทเงินได้ให้ชัดเจน เพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นจำนวนเงิน หรือจะแยกหนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) มาอย่างละฉบับเลยก็ได้
สิ่งสำคัญสำหรับท่านที่ต้องออกจากงาน และได้รับเงินได้จ่ายครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน คือการขอหนังสือเป็นหลักฐานจากนายจ้าง และเก็บรักษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับใช้ประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีให้ครบถ้วน เพื่อเป็นการรักษาสิทธิประโยชน์ที่ท่านพึงได้รับและตัดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย
4,425 total views, 1 views today