สำนักงานบัญชี… สู่ที่ปรึกษาธุรกิจ
นักธุรกิจหลายท่านคงทราบดีว่าหัวใจหลักของธุรกิจคือการทำบัญชี เพราะการประกอบธุรกิจทุกแห่งต้องมีระบบและมีการทำบัญชี เพื่อควบคุมสภาพกิจการและรายงานผลการดำเนินงานของกิจการ และเป็นส่วนใหญ่ในธุรกิจขนาดกลางหรือขนาดเล็กหน่อยที่มักจะเลือกใช้สำนักงานบัญชีดูแลหรือทำบัญชีให้ หรือในธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ก็มีจำนวนไม่น้อยเลยที่มักจะมีฝ่ายบัญชีดูแลจัดการเรื่องบัญชีของกิจการเองโดยตรง
การส่งเสริมให้สำนักงานบัญชีซึ่งถือเป็นตัวแทนผู้ประกอบธุรกิจ มีคุณภาพเป็นที่น่าเชื่อถือ และปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีอากรได้มีมาตรฐานที่ถูกต้อง รวมทั้งสามารถนำไปแนะนำผู้ประกอบการหรือลูกค้าที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตนให้ปฏิบัติได้ถูกต้องเช่นเดียวกันด้วยนั้น จึงจะเกิดเป็นผลประโยชน์อย่างแท้จริงกับทุกฝ่าย กรมสรรพากรจึงพร้อมที่จะสนับสนุนและพัฒนาสำนักงานบัญชีไปสู่การเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจหรือผู้เชี่ยวชาญทางภาษีอากรภายใต้แนวคิด ก้าวไปด้วยกันกับกรมสรรพากร เพื่อพร้อมกันเดินหน้าไปสู่ยุคแห่งความถูกต้องได้ต่อไป ในการนี้จึงได้เชิญสำนักงานบัญชีมาร่วมรับฟังและทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติทางภาษี รวมทั้งมาตรการทางภาษีซึ่งมีประเด็นที่กรมสรรพากรจะดำเนินการในปี 2561
แนวคิด ก้าวไปด้วยกันกับกรมสรรพากร ประกอบด้วยแนวทางปฏิบัติทางภาษีที่สำนักงานบัญชีต้องดำเนินการ ดังนี้
แนวคิดใหม่ “ก้าวไปด้วยกัน”
1.จัดทำบัญชีและภาษีให้แก่ ผู้ประกอบการอย่างมีมาตรฐาน
2.ช่วยตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร (Pre-Audit)
3.ให้คำปรึกษาด้านบัญชี และภาษีอย่างถูกต้อง
การสร้างมาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีที่ถูกต้องของสำนักงานบัญชีเอง และการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีของสำนักงานบัญชีต่อผู้ประกอบการหรือต่อลูกค้าของสำนักงานบัญชี ต่างมีแนวทางปฏิบัติประกอบไปด้วย การจัดทำเอกสารทางบัญชีให้ถูกต้อง การแสดงรายได้และรายจ่ายที่สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง การจัดทำงบการเงินที่ถูกต้อง รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องเป็นไปในทางที่ถูกต้องด้วย ซึ่งแนวทางเหล่านี้จะเป็นเครื่องป้องกันความผิดพลาดทางภาษีอากรไม่ให้เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
สำหรับประเด็นสำคัญที่กรมสรรพากรจะดำเนินการในปี 2561ในส่วนของมาตรการทางภาษี ประกอบด้วย
1.มาตรการผู้ประกอบการจดแจ้งตามพระราชกำหนด ดำเนินการกรณีผู้ประกอบการจดแจ้งที่ไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2558แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2558 (ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561)
2.มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล ดำเนินการแนะนำผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา เพื่อให้ทราบข้อดี ข้อเสีย และสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรจากการเปลี่ยนเป็นนิติบุคคล โดยเริ่มต้นดำเนินการกับกิจการร้านทอง ฯลฯ
3.มาตรการจัดสถานะผู้ประกอบการ ดำเนินการจัดกลุ่มผู้ประกอบการตามสถานะ และกำหนดแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการคืนเงินภาษีอากรที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม
4.มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพกลุ่มผู้ใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับกลุ่มธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการที่ใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน เพื่อให้ดำเนินการขออนุมัติการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินอย่างถูกต้อง และแสดงรายได้ให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง
5.มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีผู้ประกอบการ e-Commerce รวบรวมข้อมูลและดำเนินการกับผู้ประกอบการขายสินค้าหรือให้บริการทาง e-Commerce
จากที่กล่าวมาข้างต้นจึงขอเชิญชวนสำนักงานบัญชีร่วมสร้างมาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษี และร่วมเดินหน้าก้าวไปสู่ยุคแห่งความถูกต้องพร้อมกันทุกฝ่าย รวมทั้งเตรียมพร้อมรับมาตรการภาษีใหม่เพื่อพัฒนาให้สามารถเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจหรือผู้เชี่ยวชาญทางภาษีอากรให้กับผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าได้เป็นผลดียิ่งขึ้นต่อไปด้วยกัน
2,190 total views, 1 views today