รู้ไว้ใช่ว่า…กับภาษีเงินได้ประจำปี
เดือนธันวาคมเป็นเดือนสุดท้ายของปี ผู้มีรายได้จากการประกอบอาชีพที่เป็นบุคคลธรรมดาจะต้องเตรียมตรวจสอบรายได้ของตนให้ครบ 12 เดือน เพื่อนำรายได้ที่ได้รับมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม มารวมกัน
แล้วตรวจสอบว่าถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีหรือไม่ และหากถึงเกณฑ์จะต้องทำอย่างไร วารสารสรรพากรฉบับนี้มีคำตอบให้ทุกท่าน
1.ใครบ้างที่มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.91 และแบบ ภ.ง.ด.90
1.1 ผู้ที่มีเงินได้จากการจ้างแรงงานประเภทเดียวตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากรจะต้องมีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.91 ตามเกณฑ์ดังนี้
– ผู้ที่เป็นโสด มีเงินได้พึงประเมินเกิน 120,000 บาท
– ผู้ที่มีคู่สมรส มีเงินได้พึงประเมินไม่ว่าฝ่ายเดียวหรือทั้งสองฝ่ายรวมกันเกิน 220,000 บาท
1.2 ผู้ที่มีเงินได้ตามมาตรา 40(1) – (8) แห่งประมวลรษั ฎากร หลายประเภทหรือประเภทเดียว (แต่มิใช่เงินได้ตามข้อ 1) จะต้องมีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ตามเกณฑ์ ดังนี้
– ผู้ที่เป็นโสด มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
– ผู้ที่มีคู่สมรส มีเงินได้พึงประเมินไม่ว่าฝ่ายเดียวหรือทั้งสองฝ่ายรวมกันเกิน 120,000 บาท
– กองมรดกที่ยังมิได้แบ่ง มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
– ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
– คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
– วิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ซึ่งมีเงินได้เกิน 1,800,000 บาท หรือมีเงินได้เกิน 60,000 บาทแต่ไม่เกิน 1,800,000 บาท ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
2.วิธีการคำนวณภาษี
2.1 ภาษีที่คำนวณจากเงินได้สุทธิ
เงินได้พึงประเมิน (เงินได้ทั้งปีที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – วันที่ 31 ธันวาคม)
หัก เงินได้ที่ได้รับยกเว้น
หัก ค่าใช้จ่าย
หัก ค่าลดหย่อน
หัก เงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา/การกีฬา/อื่น ๆ (ถ้ามี)
เงินได้สุทธิ
จำนวนเงินภาษี = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษีแต่ละขั้น
2.2 ภาษีที่คำนวณจากเงินได้พึงประเมิน (เฉพาะแบบ ภ.ง.ด.90) หากเงินได้พึงประเมิน มีจำนวนตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป ให้นำเงินได้พึงประเมินทั้งหมด (ไม่รวมเงินได้ตามมาตรา 40(1)) คูณด้วย 0.005 หากคำนวณแล้วไม่เกิน 5,000 บาท ให้ชำระภาษีที่คำนวณจากเงินได้สุทธิตาม (1)
3.อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ใช้ในการคำนวณภาษี
เงินได้สุทธิ | อัตรา |
ไม่เกิน 150,000 บาท
เกิน 150,000 – 300,000 บาท เกิน 300,000 – 500,000 บาท เกิน 500,000 – 750,000 บาท เกิน 750,000 – 1,000,000 บาท เกิน 1,000,000 – 2,000,000 บาท เกิน 2,000,000 – 5,000,000 บาท เกิน 5,000,000 บาทขึ้นไป |
ยกเว้น
ร้อยละ 5 ร้อยละ 10 ร้อยละ 15 ร้อยละ 20 ร้อยละ 25 ร้อยละ 30 ร้อยละ 35 |
เมื่อได้จำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระจากการคำนวณแล้ว ให้นำภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ถ้ามี) และภาษีที่ชำระไว้แล้วตามแบบ ภ.ง.ด.94 (ถ้ามี) มาหักออกเหลือเท่าไหร่คือจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระทั้งนี้ หากจำนวนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่ถูกหักไว้มีจำนวนมากกว่าจำนวนภาษีที่คำนวณได้ สามารถใช้แบบแสดงรายการเป็นแบบคำร้อง แจ้งความประสงค์ขอคืนเงินภาษีที่ชำระไว้เกินได้ทันทีพร้อมกับการยื่นแบบ และสำหรับผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดา และมีสัญชาติไทยสามารถแสดงเจตนาบริจาคภาษีที่ชำระให้พรรคการเมืองได้
4.กำหนดเวลายื่นแบบ
ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม หากไม่ยื่นแบบฯ ภายในกำหนดเวลา ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
และยังต้องเสียเงินเพิ่มนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาจนถึงวันยื่นแบบร้อยละ 1.5 ต่อเดือนอีกด้วย
5.สถานที่ยื่นแบบ
สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา หรือ Internet ทาง Web Site ของกรมสรรพากร ที่ www.rd.go.th หรือจะยื่นผ่าน
Rd smart tax application ทางโทรศัพท์มือถือก็ได้
จะเห็นได้ว่าการเสียภาษีไม่ใช่เรื่องยาก หากมีการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนกำหนด พอถึงเดือนมกราคมก็สามารถยื่นแบบชำระภาษีได้ทันที และหากยื่นแบบผ่านอินเทอร์เน็ตจะได้รับสิทธิพิเศษให้ขยายเวลายื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีออกไปอีก 8 วัน นับตั้งแต่วันสุดท้ายของกำหนดเวลายื่นแบบ ในฉบับหน้าจะนำเสนอเรื่องเงินได้ที่ได้รับยกเว้นค่าใช้จ่ายที่กฎหมายยอมให้หักและค่าลดหย่อน สำหรับเตรียมใช้ในการคำนวณภาษีต่อไป
2,573 total views, 2 views today