พ.ร.บ. Digital ID การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากมายในชีวิตประจำวัน ในด้านการเงินการทำธุรกรรมต่าง ๆ ภาครัฐ และภาคเอกชนต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการทำธุรกรรมหรือการทำนิติกรรมสัญญาหลายประเภท จำเป็นต้องมีการพิสูจน์ตัวตน การให้ความยินยอมการลงลายมือชื่อ หรือการแสดงเจตนาของผู้ทำธุรกรรมดังกล่าวตลอดจนต้องไปแสดงตนต่อหน้าเพื่อทำธุรกรรม หรือส่งเอกสารหลักฐานเพื่อยืนยันตัวตน ทำให้เกิดความไม่สะดวก และเป็นภาระต่อผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ รัฐบาลเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (ร่าง พ.ร.บ. Digital ID) เพื่อให้การพิสูจน์และยืนยันตัวตนสามารถกระทำในรูปแบบดิจิทัลได้จะเกิดประโยชน์ต่อทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ ทั้งยังเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการของร่าง พ.ร.บ. Digital ID แล้ว เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2561
ให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อกำกับดูแลโครงข่ายฯ เพื่อให้กระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลเป็นไปอย่างถูกต้องครบถ้วน และผู้ใช้บริการซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ อำนาจการกำกับดูแลของคณะกรรมการสามารถแบ่งได้เป็น 3 ส่วน ดังนี้
1) ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Platform)
ซึ่งให้บริการโดยบริษัทผู้ให้บริการระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล โดยคณะกรรมการมีอำนาจกำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัท อีกทั้งการจัดตั้งบริษัทยังต้องได้รับความเห็นชอบ รวมถึงใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
2) ระบบทำการแทน (Proxy Server)
ซึ่งเป็นการให้บริการระบบทำการแทนแก่ผู้ที่ประสงค์จะเข้าสู่ Platform ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนที่ไม่มีมาตรฐานทางเทคโนโลยีเพียงพอ เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับ Platform ผ่าน Proxy Server ได้โดยคณะกรรมการมีอำนาจกำกับดูแลผู้ให้บริการ Proxy Server รวมถึงอำนาจในการพิจารณาอนุญาตการเชื่อมต่อระหว่าง Platform และ Proxy Server หรือสั่งให้หยุดการเชื่อมต่อดังกล่าว
3) การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โดยคณะกรรมการมีอำนาจเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสข้อมูลหลักเกณฑ์การส่งผ่านข้อมูลระหว่าง Platform และ Proxy Server รวมถึงอำนาจในการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลหรือพิจารณาคำอุทธรณ์ของผู้ได้รับความเสียหายจากการใช้บริการระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล นอกจากนี้ ยังมีอำนาจกำหนดมาตรฐานในการส่งข้อมูลระหว่างหน่วยงานในโครงข่ายฯ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลให้ความยินยอมให้ส่งข้อมูลในโครงข่ายฯ
ร่าง พ.ร.บ. Digital ID ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทย แต่เมื่อพิจารณาในด้านการนำไปใช้แล้ว เมื่อสามารถ
พิสูจน์และยืนยันตัวในรูปแบบดิจิทัล จะลดภาระของประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งในฐานะผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการต่าง ๆ ที่ต้องมีการพิสูจน์และยืนยันตัวตนก่อนการใช้บริการ เช่น ประชาชนจะสามารถเปิดบัญชีธนาคารหรือขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือของตนเองได้โดยไม่จำเป็นต้องไปแสดงตนที่สาขาของธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น
ร่าง พ.ร.บ. Digital ID มีวัตถุประสงค์ดังนี้
1 พัฒนาโครงข่ายระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (โครงข่ายฯ) ที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ
2 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล รวมทั้งกำกับดูแลผู้ให้บริการ
3 ยกระดับการให้บริการของหน่วยงานของรัฐ โดยหน่วยงานของรัฐสามารถใช้ประโยชน์จากโครงข่ายฯ ได้
2,706 total views, 1 views today