การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของนักท่องเที่ยว
จากรายงานสถิติการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งประเทศในอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ เนื่องจากมีความพร้อมและมีความโดดเด่นในหลายด้าน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีอาหารการกินที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม อย่างเช่น จังหวัดกระบี่ ภูเก็ต เชียงใหม่ ตราด หรือชลบุรี ฯลฯ ถือได้ว่าการท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งก็จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ซื้อสินค้าเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับไปด้วย วารสารสรรพากรฉบับนี้ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของนักท่องเที่ยวมานำเสนอ เพื่อจะได้ช่วยกันแนะนำหรือช่วยกันให้ข้อมูลที่ถูกต้อง หรือสำหรับท่านที่อาจต้องใช้แนะนำเพื่อนชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวไทยพอดีก็ได้ ซึ่งสรุปได้ดังนี้
นักท่องเที่ยวที่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ไม่เป็นผู้มีสัญชาติไทย
- ไม่เป็นผู้มีภูมิลำเนาในประเทศไทย
- ไม่เป็นนักบิน หรือลูกเรือของสายการบินที่เดินทางออกนอกประเทศไทย
- เดินทางออกนอกประเทศไทย ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ
5.ซื้อสินค้าจากร้านค้าที่เป็นผู้ประกอบการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวหรือร้านค้าที่มีตราสัญลักษณ์ VAT REFUND FOR TOURISTS
- ซื้อสินค้าในราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่า 2,000 บาท จากสถานประกอบการแห่งเดียวกัน ในวันเดียวกัน
เงื่อนไขการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ต้องเป็นการซื้อสินค้า ไม่ใช่ ค่าบริการ
- เป็นสินค้าที่ซื้อแล้วต้องนำออกนอกประเทศทางท่าอากาศยานนานาชาติภายใน 60 วันนับจากวันที่ซื้อสินค้าเป็นวันแรก
- ไม่เป็นสินค้าต้องห้ามนำออกนอกราชอาณาจักร เช่น วัตถุระเบิด อาวุธปืน อัญมณี ที่ยังไม่ได้ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือน
- ณ วันที่ซื้อสินค้าให้แสดงหนังสือเดินทางแก่พนักงานขาย และขอแบบคำร้องขอคืนภาษี ภ.พ.10 พร้อมต้นฉบับใบกำกับภาษีจากร้านค้า ในวันที่มีการซื้อสินค้า โดยแบบ ภ.พ.10 แต่ละฉบับต้องมียอดซื้อ 2,000 บาทขึ้นไป (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
- ในวันที่เดินทางออกนอกประเทศ ให้นำสินค้าและแบบ ภ.พ.10 พร้อมต้นฉบับใบกำกับภาษีไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจรับรองสินค้าและประทับตรา ณ ท่าอากาศยานนานาชาติก่อนเข้า Check-in
- กรณีซื้อสินค้าราคาแพง เช่น อัญมณีที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนหรือของรูปพรรณ ทองรูปพรรณ นาฬิกา แว่นตา ปากกา ที่มีมูลค่าชิ้นละ 10,000 บาทขึ้นไป เมื่อผ่านการตรวจจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเข้าไปแล้ว ต้องนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรตรวจและประทับตราลงนามกำกับในแบบ ภ.พ.10 อีกครั้งหนึ่งด้วย
การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถเลือกขอคืนได้ดังนี้
- จำนวนเงินภาษีที่ขอคืน ไม่เกิน 30,000 บาท สามารถเลือกขอคืนเป็นเงินสด (บาท) ดราฟต์ (USD, Euro, Yen, Pound, Sterling) หรือโอนเงินเข้าบัญชีบัตรเครดิตได้ (VISA, MasterCard และ JCB)
- จำนวนเงินภาษีที่ขอคืน เกิน 30,000 บาท สามารถเลือกขอคืนเป็นดราฟต์ หรือโอนเงินเข้าบัญชีบัตรเครดิตได้เช่นเดียวกับ 1.
ช่องทางการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- สำนักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวประจำท่าอากาศยานนานาชาติ บริเวณพื้นที่ผู้โดยสาร
ขาออก หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ทั้ง 10 แห่ง
(1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
(2) ท่าอากาศยานดอนเมือง
(3) ท่าอากาศยานเชียงใหม่
(4) ท่าอากาศยานภูเก็ต
(5) ท่าอากาศยานหาดใหญ่
(6) ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
(7) ท่าอากาศยานกระบี่
(8) ท่าอากาศยานสมุย
(9) ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี
(10) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
- ส่งในตู้รับคำร้อง ณ สำนักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวประจำท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่ง
- ส่งจดหมายลงทะเบียนมาที่
>>> กรมสรรพากร กลุ่มบริหารการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว 90 ซอยพหลโยธิน 7 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
ข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลบางส่วนของการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว โดยท่านสามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากร ที่ http://vrtweb.rd.go.th/index.php/th/ หรือ ติดต่อสอบถามโดยตรงที่ กลุ่มบริหารการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว โทร. 0 2272 9384-5, 0 2272 8196 ในวันและเวลาราชการ หรือทางอีเมล vrefund@rd.go.th ตามที่ท่านสะดวกได้
1,942 total views, 2 views today